"วันนี้ตลาดหุ้นเป็นอะไรครับ มันถึงล่วงหนักแบบ"
ไม่มีสาเหตุแบบนี้วันนี้ทั่วโลกสดใส อะไรก็ออกมาดีเกือบหมดเข้าอ่านข่าวในเน็ทก็ไม่มีข่าวร้ายที่จะทำให้มันล่วง ขนาดนี้มันเกิดอะไรขึ้นครับ ผมตอนนี้ติดดอยอีกแล้ว ลงเป็นหลายแสนเลย โอ่พระเจ้า
ซึ่งที่จริงแล้วมันมีสาเหตุ...
หึ?? จริงหรือเนี้ย... พอเข้าไปอ่านก็พอมา มีคนมาปล่อยข่าวลือทำให้นักลงทุนต่างกันออกขายหุ้นกันซะหมด เป็นผลให้หุ้นราคาตกลง ตกลง...
แต่ทั้งๆที่เราก็เพิ่งไปเห็นข่าวว่า นักลงทุกต่างชาติมีความสนใจ และแห่เข้ามาซื้อหุ้นในไทยอยู่แท้ ทำไมกลับกลายมาเป็นข่าว หุ้นตกกระทันหันแบบนี้หว่า??
แล้วก็ได้ข่าวมาอีก อ่านเพิ่มเติมด้านล่าง
หุ้นไทยร่วงต่ออีกเกือบ 5% สวนทางต่างประเทศ โบรกฯ ชี้ 3 ปัจจัยลบ
ตลาดหุ้นภาคเช้าร่วงเกือบ 5% สวนทางตลาดหุ้นต่างประเทศ ต่อเนื่อง 2 วันซ้อน ส่งผลให้ดัชนีหลุด 700 จุดไปเรียบร้อยแล้ว โบรกฯ ชี้ 3 ปัจจัยลบในประเทศ ทั้งการแก้ไข รธน.ที่สับสน การชุมนุมใหญ่ของแก๊งไข่แม้วแดง 17 ต.ค.นี้ และปัญหานิคมฯ มาบตาพุด ทั้งยังมีสารพัดข่าวลือข่าวปล่อย ที่ซ้ำเติมเข้ามา
ภาวะตลาดหุ้นไทย วันนี้ ดัชนียังคงร่วงลงต่อเนื่องเกือบ 4% เมื่อเวลาประมาณ 11.25 น. ดัชนีลงลึกไปที่ระดับ 701.75 จุด และต่อมาเมื่อเวลา 11.32 น.ดัชนีปรับดีขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ระดับ 704.86 จุด ลดลง 26.61 จุด หรือลดลง -3.64% มูลค่าการซื้อขาย 19,711.94 ล้านบาท สวนทางตลาดต่างประเทศ นักวิเคราะห์ ชี้ ปัจจัยลบในประเทศยังไม่คลี่คลาย รวมทั้งประเด็นการเมืองที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญเริ่มมีความไม่แน่นอน ขณะที่แกนนำกลุ่มเสื้อแดงประกาศนัดชุมนุมใหญ่อีกครั้ง 17 ตุลาคม 2552 นี้ เพื่อทวงถามฎีกาขออภัยโทษให้กับอดีตนายกรัฐมนตรี บวกกับสารพัดข่าวลือที่มีพวกฉกฉวยโอกาสปล่อยออกมาเป็นระลอก ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยปรับลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 ต่อจากวานนี้
ด้าน นายกวี ชูกิจเกษม ผู้ช่วยกรรมการผู้จจัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยช่วงนี้ผันผวนมาก เพราะนักลงทุนต่างชาติชะลอการลงทุน เนื่องจากไม่มั่นใจบรรยากาศการลงทุนในประเทศไทย โดยวานนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิออกมา 3,978 ล้านบาท ประกอบกับยังมีความไม่ชัดเจนเกี่ยวกับการชะลอ 76 โครงการของมาบตาพุด และการชุมนุมทางการเมืองของกลุ่มคนเสื้อแดง ในวันที่ 17 ตุลาคม 2552 นี้ ซึ่งแม้ไม่ใช่ปัจจัยใหม่แต่เป็นปัจจัยที่กดดันตลาด
อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยยังมีข่าวดีบ้างเรื่องการเตรียมเปิดประมูลโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3 จี และโครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจที่ยังดีอยู่ จึงต้องรอความเชื่อมั่นของนักลงทุนว่า จะกลับมาเมื่อไร แต่หากปัจจัยต่างๆ คลี่คลาย ความเชื่อมั่นจะกลับมา
มีรายงานข่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อเวลา 12.10 น. ดัชนีอยู่ที่ระดับ 695.78 ลุด ลดลง 35.69 จุด หรือเปลี่ยนแปลง 4.88% มูลค่าการซื้อขาย 25,503.28 ล้านบาท
ล่าสุด ดัชนีหุ้นไทยปิดตลาดช่วงเช้าที่ระดับ 697.13 จุด ลดลง 34.34 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -4.69% โดยมีมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 28,448.22 ล้านบาท
ตลท.สั่งงัดมาตรการฉุกเฉินรับวิกฤตหุ้น แฉบลูมเบิร์ก(Bloomberg)สุดชั่ว ต้นตอปล่อยข่าวนรก
ผู้บริหาร ตลท.สั่งเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ฉุกเฉิน งัดมาตการเซอร์กิตเบรกเกอร์เข้าคุมการซื้อขายทันที หากดัชนีร่วงหนักเกิน 10% มั่นใจช่วงบ่ายดีขึ้น หลังการแถลงข่าว และนักลงทุนติดตาม-ตรวจสอบข่าวใกล้ชิดมากขึ้น พร้อมแฉต้นตอข่าวลือสุดชั่วช้า ไอ้โม่งจ้างสำนักข่าวบลูมเบิร์กวิเคราะห์มั่วทำลายสถาบัน โดยมีโบรกเกอร์ที่สิงคโปร์จุดชนวน ด้านภาวะหุ้นไทยช่วงบ่าย เปิดตลาดยังคงร่วงหนักกว่า 8%
มีรายงานข่าวแจ้งว่า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้นัดประชุมด่วนเพื่อรับมือสถานการณ์วิกฤตตลาดหุ้นไทย โดยเตรียมพร้อมใช้มาตรการพักการซื้อขายอัตโนมัติแบบชั่วคราว (เซอร์กิตเบรกเกอร์) ออกมาใช้ทันที หากดัชนีร่วงเกิน 10% โดยที่ประชุมคาดว่า สถานการณ์ช่วงบ่าย ตลาดหุ้นน่าจะดีขึ้น หลังผู้บริหาร ตลท.แถลงข่าว และนักลงทุนติดตามข่าวใกล้ชิดมากขึ้น
นางภัทรียา เบญจพลชัย ผู้จัดการ ตลท.กล่าวในการแถลงข่าว โดยระบุว่า การที่ดัชนีตลาดหุ้นภาคเช้าปรับตัวลงไปแรงกว่า 5% หรือเกือบ 40 จุด เป็นผลมาจากการเทขายของนักลงทุนทั้งในประเทศ และต่างประเทศ เนื่องมาจากความกังวลในกระแสข่าวลือด้านลบที่เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงบ่ายวานนี้ ซึ่งสร้างความตื่นตระหนกอย่างมากทั้งนี้ จากการหารือกับโบรกเกอร์ต่างชาติที่ได้สอบถามจากลูกค้า พบว่านักลงทุนต่างชาติมีการเทขายหุ้นออกมาจากพอร์ต เพื่อลดความเสี่ยงจากความตื่นตกใจในระยะสั้น และบางส่วนก็ต้องการปรับพอร์ต หลังจากที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยนับตั้งแต่ต้นปีจนถึงขณะนี้ปรับตัวขึ้นมาค่อน ข้างรุนแรงกว่า 65%
อย่างไรก็ตาม ตลท.อยากให้นักลงทุนติดตามข่าวอย่างใกล้ชิดจากแถลงการณ์ของหน่วยงานที่รับ ผิดชอบโดยตรง ไม่ควรตื่นตระหนกกับกระแสข่าวลือ เพราะอาจทำให้เสียโอกาสในการลงทุนหรือตัดสินใจผิดพลาด เนื่องจากหากมองปัจจัยพื้นฐานของตลาดหุ้นไทยในขณะนี้ยังไม่มีอะไรที่จะมาทำ ให้กระแสการลงทุนเปลี่ยนทิศทางไป
ในขณะที่ระบบของ ตลท.ได้เตรียมพร้อมทุกด้านไว้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นระบบเซอร์กิต เบรกเกอร์ หรือการรองรับการส่งคำสั่งซื้อขายในปริมาณมากๆ ดังนั้น นักลงทุนไม่ต้องกังวลว่าระบบของ ตลท.จะรองรับไม่ได้ อย่างกรณีของเมื่อวานนี้ปริมาณการซื้อขายสูงถึง 4.4 หมื่นล้านบาท แต่ก็คิดเป็นแค่ 25% ของ capacity ระบบเท่านั้น
ทั้งนี้ ตลท.ก็ยังเชื่อว่าสถานการณ์ซื้อขายหุ้นในภาคบ่ายน่าจะดีขึ้นกว่าภาคเช้า หลังจากที่นักลงทุนได้ติดตามข่าวและรับข้อมูลต่างๆ มากขึ้น น่าจะทำให้การตัดสินใจมีความรอบคอบมากขึ้น รวมทั้งมีการเทขายหุ้นกันออกมามากแล้ว
“เมื่อตอนเช้าก็ขายกันมาเยอะ ช่วงบ่ายเมื่อนักลงทุนพิจารณาและได้รับข้อมูลที่มากขึ้นก็อาจจะทำให้นักลง ทุนมีความรอบคอบในการตัดสินใจได้มากขึ้น เพราะการปรับตัวลดลงมาถือว่าผิดปกติ” นางภัทรียา กล่าว
นางภัทรียา ยังเปิดเผยว่า จากการเทขายหุ้นในช่วงเช้า ยังไม่เห็นการฟอร์สเซลที่ผิดปกติ เพราะปริมาณการปล่อยมาร์จิ้นของโบรกเกอร์ในช่วงที่ผ่านมาก็ไม่ได้สูงมาก โดยเฉพาะหุ้นตัวที่มีปัญหา ปกติโบรกเกอร์ก็ลดการให้มาร์จิ้นอยู่แล้ว
รายงานข่าวเพิ่มเติมถึงสาเหตุหลักที่ทำให้ตลาดหุ้นมีการปรับลดลง อย่างรุนแรงช่วง 2 วันนี้ ได้แก่ การเสนอข่าวของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก(Bloomberg) ซึ่งรายงานการให้ความเห็นของนายเดวิด เหลียง นักค้าอาวุโสประจำบริษัทเฟิร์สต์สเตท อินเวสต์เมนต์ ในสิงคโปร์ ซึ่งให้ข่าวกับสำนักข่าวดังกล่าว โดยระบุว่า ตลาดวิตกกังวลในพระอาการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ม.ล.ทองมกุฎ ทองใหญ่ กรรมการผู้จัดการ บล.ซิตี้คอร์ป (ประเทศไทย) และในฐานะนายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ต่างประเทศ ยังคงยืนยันว่า กระแสข่าวดังกล่าว ส่งผลให้นักลงทุนถือโอกาสเทขายหุ้นออกมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งกระแสข่าวนี้จะจริงหรือเปล่าไม่มีใครสามารถตอบได้ แต่ที่แน่ๆ ก็คือ นักลงทุนใช้ปัจจัยลบนี้มาเป็นปัจจัยขายหุ้นออกมาจำนวนมาก และเป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้ตลาดบ้านเราเคลื่อนไหวสวนทางกับตลาดหุ้นอื่นใน ภูมิภาคที่ต่างปรับตัวขึ้นกันทั่วหน้า
ทั้งนี้ ดัชนีเปิดตลาดช่วงบ่ายยังคงร่วงลงอย่างหนักกว่า 8% โดยเมื่อเวลา 14.42 น. ดัชนีอยู่ที่ระดับ 670.88 จุด ลดลง 60.59 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -8.28% มูลค่าการซื้อขาย 33,693.86 ล้านบาท
บทความที่เกี่ยวข้อง
ค่าเงินบาทแปรปวน ต่างชาติยังส่งเงินเข้าลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่อง
นักวิชาการนิด้า เปิดผลวิจัย เศรษฐกิจไทยยังแย่ที่สุดในเอเชีย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น